Latest from the Bangkok Post – Fire Analysis & Plea to Stop Burning & CMU Medical Faculty
โครงการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม
ภายใต้เครือข่ายนักวิจัยสิ่งแวดล้อม
หัวข้อ หมอกควัน ไฟป่า และการเผาในที่โล่งแจ้ง
1. หลักการและเหตุผล
ตามที่ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดตั้งเครือข่ายนักวิจัยสิ่งแวดล้อมขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการศึกษาวิจัยทางวิชาการของนักวิจัยจากหน่วยงานและภาคีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเพื่อให้สมาชิกเครือข่ายนักวิจัยสิ่งแวดล้อมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูลทางวิชาการ และประสบการณ์ต่างๆซึ่งกันและกัน อันจะนำมาซึ่งข้อมูลที่ทันสมัยและทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้ในการป้องกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศได้อย่างทันสถานการณ์ และจากสถานการณ์ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือที่กำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่ทั้งในระดับประเทศ และระดับภูมิภาค กำลังให้ความสนใจ ท่ามกลางการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมโลก ที่เป็นไปอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ นอกจากนี้รูปแบบการดำเนินชีวิต ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ กลายเป็นวิถีการดำเนินชีวิต ที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ จำพวกอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กจากแหล่งกำเนิดปฐมภูมิ ได้แก่ การเผาในที่โล่งแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นการเกิดไฟป่าในพื้นที่ป่าไม้ การเผาเศษกิ่งไม้ ใบไม้ การเผาเพื่อการเกษตร และควันเสียจากรถยนต์โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล ฝุ่นจากการก่อสร้าง สารระเหยต่างๆจากภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับภัยธรรมชาติในบางปี ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นและส่งผลให้กลไกธรรมชาติบิดเบือนไป โดยเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม การผันแปรของสภาพภูมิอากาศของโลกและท้องถิ่น ทำให้สภาพแห้งแล้งกว่าปกติ จึงมีเศษกิ่งไม้และใบไม้ร่วงจนสะสมเป็นเชื้อเพลิงจำนวนมาก เป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดไฟป่าได้ง่ายและลุกลามเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับสภาพภูมิประเทศในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งมีภูเขาล้อมรอบ ทำให้มลพิษต่างๆ ถูกกักไว้และแผ่ปกคลุมทั่วเมือง ไม่เอื้ออำนวยให้ฝุ่นละอองและหมอกควันลอยสู่ชั้นบรรยากาศ จึงมีการสะสมตัวในปริมาณที่มากขึ้น โดยเฉพาะ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ และน่าน ซึ่งเป็นกลุ่มจังหวัดที่ประสบปัญหามลพิษทางอากาศที่มีการเผาในที่โล่งแจ้งมาก โดยเฉพาะในฤดูหนาว หรือหน้าแล้ง และสภาพภูมิประเทศที่มีภูเขาล้อมรอบ และมีอาณาเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้าน อันส่งผลให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศและหมอกควันข้ามแดน และกลายเป็นปัญหาที่สะสมมายาวนาน
ดังนั้น กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อมจึงจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม หัวข้อ หมอกควัน ไฟป่า และการเผาในที่โล่งแจ้ง ขึ้น เพื่อสร้างโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ข้อมูลทางวิชาการ ระหว่างนักวิจัย นักวิชาการ ภายใต้เครือข่ายนักวิจัยสิ่งแวดล้อม กับนักวิจัย นักวิชาการ และประชาชนที่สนใจในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์การวิจัยซึ่งกันและกัน อันจะนำมาสู่การจัดการมลพิษทางอากาศจากปัญหาหมอกควัน ไฟป่าและการเผาในพื้นที่โล่งแจ้งอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
2. วัตถุประสงค์
2.1 เพื่อสร้างเสริมกระบวนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ข้อมูลวิชาการและประสบการณ์การวิจัย
ในด้านหมอกควัน ไฟป่าและการเผาในที่โล่งแจ้ง
2.2 เพื่อก่อให้เกิดการบูรณาการงานวิจัยและหรือต่อยอดองค์ความรู้เพื่อนำไปสร้างแนวทางการจัดการมลพิษจากหมอกควัน ไฟป่าและการเผาในที่โล่งแจ้ง
3. ขอบเขตเนื้อหา/วิธีการดำเนินการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้
(1) การอภิปรายเพื่อนำเสนอองค์ความรู้ ข้อมูลวิชาการ และประสบการณ์การวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม โดยผู้บริหาร นักวิจัย นักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และการเผาในที่โล่งของพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
(2) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างนักวิจัยและผู้เข้าร่วมเวทีโดยมีวิทยากรกระบวนการ กระตุ้นและสร้างบรรยากาศให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
4. ผู้เข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (กลุ่มเป้าหมาย)
4.1 สมาชิกเครือข่ายนักวิจัยสิ่งแวดล้อม นักวิชาการ/นักวิจัย จากสถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/เอกชน รวม 80 คน
4.2 ผู้บริหารและนักวิชาการ/เจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวม 10 คน
จำนวนรวมทั้งสิ้น 90 คน
5. ผลสัมฤทธิ์ของงานที่คาดหวัง
5.1 ผลผลิต (Output)
5.1.1 จำนวนผู้เข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ข้อมูลวิชาการ ในด้านหมอกควัน ไฟป่า และการเผาในที่โล่งแจ้ง
5.1.2 ผลการประเมินระดับความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัย ภายใต้เครือข่ายนักวิจัยสิ่งแวดล้อม ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75
5.2 ผลลัพธ์ (Outcome)
– ผู้เข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้นำองค์ความรู้ที่จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปใช้ประโยชน์ในการจัดการปัญหามลพิษจากหมอกควัน
6. ระยะเวลาดำเนินการ
วันที่ 3 เมษายน 2555 เวลา 9.00 – 16.00 น. ณ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จังหวัดเชียงใหม่
7. วิธีการประเมินผล
ประเมินระดับความพึงพอใจและไม่พึงพอใจของผู้เข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม
8. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
8.1 ผู้เข้าร่วมเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลองค์ความรู้และประสบการณ์การวิจัยซึ่งกันและกัน และจะก่อให้เกิดความร่วมมือในการดำเนินงานวิจัยร่วมกันในอนาคต
8.2 ผู้เข้าร่วมเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม สามารถนำข้อมูลที่ได้จากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปใช้ในการศึกษาวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9. หน่วยงานรับผิดชอบ
ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
กำหนดการ
การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม
ภายใต้เครือข่ายนักวิจัยสิ่งแวดล้อม
หัวข้อ หมอกควัน ไฟป่า และการเผาในที่โล่งแจ้ง
ในวันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555
เวลา 09.00-16.00 น.
ณ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จังหวัดเชียงใหม่
********************************************************************************
08.00-09.00 น. ลงทะเบียน
09.00-09.15 น. พิธีเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้
โดย ดร.เกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
กล่าวรายงาน
โดย นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม
09.15-12.15 น. การอภิปรายหัวข้อ สถานการณ์ และแนวทางการป้องกัน/แก้ไขปัญหาหมอกควัน
ไฟป่า และการเผาในที่โล่งแจ้ง ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
ผู้เข้าร่วมอภิปราย โดย
– นายอภิวัฒน์ คุณารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1
– รศ.ดร.นพ.พงศ์เทพ วิวรรธนะเดช หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน
คณะแพทย์ศาสตร์ ม.เชียงใหม่
– นายแพทย์จรัส สิงห์แก้ว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสารภี
– นายสันต์ณรงค์ วีระชาติ ผู้ใหญ่บ้านป่าจั่น อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย
ดำเนินการอภิปรายโดย
– นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม
12.15-13.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
13.00-16.00 น. อภิปรายหัวข้อ องค์ความรู้และงานวิจัยเพื่อการป้องกัน/แก้ไขปัญหาหมอกควัน
ไฟป่า และการเผาในที่โล่งแจ้ง ในอนาคตของพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
ผู้เข้าร่วมอภิปราย โดย
– ดร.หทัยรัตน์ การีเวทย์ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม
– รศ.ดร.นพ.พงศ์เทพ วิวรรธนะเดช หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน
คณะแพทย์ศาสตร์ ม.เชียงใหม่
– ผศ.ดร.สมพร จันทระ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
– นายสุรศักดิ์ นุ่มมีศรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
ดำเนินการอภิปรายโดย
– นายโสฬส ขันธ์เครือ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม
*****************************************
หมายเหตุ : พักรับประทานอาหารว่างและเครื่องดื่ม เวลา 10.30 – 10.45 น. และ 14.30 – 14.45 น.
__________________________________________________________________________
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ นางสาวอุไร เกษมศรี
โทรศัพท์ 0 2577 4182-9 ต่อ 1102, 1121
A very interesting day and some straight talking from the DG of the department, critical of government officer’s behaviour and the idea that big
spending is a cure all – but still a climate of fear pervades the conversation.
Nobody dared to say CP as much talk was about forest clearing – Agent Orange style for corn farms, and annual burning of corn residue. Thailand’s libel laws are to be ignored at peril, with 112 just the tip of the iceberg.
Lots of good stats e.g. 350.org have little hope as CO2 levels in Chiang Rai, which has no heavy industry or power stations hit 800 micrograms/m3
; burning corn releases huge amounts of Potassium, a major plant nutrient, up in smoke ; Leaf smoke produces far more particulates than corn stubble.
Some recommendations from the medical researchers:
1. Give villages Community Titles to forest ( RECOFTC supports this approach)
2. Ban all burning in February & March.
Chiang Mai Municipality boycotted the event (their name was called and nobody answered) and there was some interesting talk about pollution from cars.
An excellent villge head from Chiang Rai spoke but nobody from the Forest Department was there.
The issues are complex and one should not expect persons from any one discipline to have all the answers. I had the last word debunking suggestions from
one excellent speaker* from CMU medical faculty about finding other crops for highland farmers and pointing out the need to solve the fire and flood problems
together and the latter requires the former and reforestation with mixed native species on the high rainfall (much higher than the valleys) highlands.
* (he announced that he will be putting his ideas out soon on a new website. I will post this detail later).